ป้ายเตือนให้หลีกเลี่ยง ไม่ควรทำ

หลายคนอาจจะไม่เคยสังเกตุว่าบางพฤติกรรมของเรา หรือ ของผู้สมัครบางคนที่เราเคยเจออาจจะเป็นสิ่งที่เราไม่รู้สึกชอบ หรือ รู้สึกเฉย ๆ แต่หารู้ไม่ว่าพฤติกรรมเหล่านั้น บางทีก็กลายเป็นคะแนนที่หักจากคะแนนที่เราควรจะได้รับ ซึ่งส่งผลสุดท้ายคือ ทำให้เราไม่ได้ถูกคัดเลือกให้เป็นผู้เข้ามามีโอกาสในการร่วมงานกับบริษัทที่เราต้องการนั่นเอง

 

เรามาลองกันดูว่ามีพฤติกรรมอะไรบ้างนะ ที่เราเคยทำ หรือ เคยเห็นแล้วเป็นสิ่งที่เราไม่ควรทำในการหางานตั้งแต่เริ่มต้นในการส่งรีซุเม่จนกระทั่งวันสัมภาษณ์รอบสุดท้ายกันเลยทีเดียว

 

  1. โทรจิก
    การโทรติดตามเวลาส่งรีซูเม่ หรือ ผลการสัมภาษณ์นั้น เป็นสิ่งที่ดีและควรทำ แต่ก็ควรจะทำเพียงแค่ครั้งหรือสองครั้งเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นไม่ควรโทรมาตามและจิก ๆ อีก เพราะจะทำให้เจ้าหน้าที่ที่ต้องตอบคำถามของเรานั้นจะดิสเครดิต หรือ ฟีคแบ็คกับทางหน่วยงาน หรือ เขียนคอมเม้นท์ให้กับผู้บริหารว่า เราอาจจะกลายเป็นคนขี้เซ้าซี้หรือไม่มีความมั่นใจในตนเองก็เป็นไปได้ ทางทีดีควรจะโทรถามเพื่อติดตามไม่ควรเกินสองครั้ง และทุกครั้งที่โทรก็ควรถามชื่อผู้ที่ให้คำตอบกับเราไว้เป็นการอ้างอิงได้

  1. โทรไปไม่รับ และไม่โทรกลับ
    ในทางกลับกัน หลังจากที่เราส่งรีซูเม่มาแล้ว ทางเจ้าหน้าที่สรรหาของบริษัทนั้น ๆ อาจจะต้องการสัมภาษณ์เบื้องต้น หรือ นัดสัมภาษณ์ หรือ ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม แต่พอโทรไปกลับไม่มีคนรับสาย โดยปกติเจ้าหน้าที่สรรหาจะโทรหาไม่เกินสามครั้ง ถ้าเกินแล้วยังไม่รับ เค้าก็อาจที่จะตัดสิทธิ์เราได้ ทำให้เสียโอกาส ดังนั้นช่วงหางานแนะนำให้พกโทรศัทพ์ติดตัวไว้ตลอดเลยก็ดีนะคะ บางทีเราก็อาจจะโทรกลับมาก็ได้แต่ปัญหาคือ เราจะโทรขอสายใคร เพราะเรายังไม่รู้เลยใครโทรมา แต่ก็เผื่อฟลุ๊คว่าโทรมาเจอคนที่โทรไปหาเรา สุดท้ายก็อาจจะได้คุยกันก็ได้ อย่างไรก็แล้วแต่ก็ยังมีความเสี่ยงอยู่ดี ทางที่ดีพกโทศัพท์ติดตัว หรือ ไม่ก็อาจจะเขียนในรีซูเม่ว่าในกรณีที่ติดต่อเราไม่ได้ให้ติดต่อทางไลน์ หรือทางเฟสบุ๊ค ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะทำให้เราไม่เสียโอกาสในการได้งานที่ต้องเราต้องการทำนะคะ

  1. ต้องการความช่วยเหลือสูง หรือ ง่าย ๆ คือไม่รู้อะไรเลย
    การที่เราโทรมาถามนู่นนั่นนี่กับทางเจ้าหน้าที่ของบริษัท ก็อาจจะทำได้ แต่อย่าขนาดว่า ให้แผนที่บริษัทไปแล้วก็ยังไม่สามารถหาทางมาสัมภาษณ์ที่บริษัทได้ ชีวิตนี้งงไปหมด จริง ๆ เปิดกูเกิ้ลแม็บก็ได้แล้วสมัยนี้ ซ้ำบางคนยังอาจหาญขอให้บริษัทจัดรถมารับตรงจุดนั้นจุดนี้หน่อย ซึ่งจริง ๆ บริษัทก็สามารถบริการให้ได้ แต่เราควรมีวิธีพูดที่เราได้แสดงถึงความพยายามแล้ว ไม่ใช่ยังไม่ทันเริ่มอะไรก็ขอให้บริษัทช่วยซะแล้ว รวมถึงการให้ข้อมูลของบริษัท บางทีให้ไปแล้วครั้งหนึ่ง บอกแล้วให้ค้นหาข้อมูลในเว็บไซต์ของบริษัท ก็ยังไม่เข้าใจงงโทรมาถามซ้ำ ๆ เพื่อตอกย้ำว่าที่ตนเองรู้เข้าใจถูกหรือเปล่า อันนี้ก็เกินไปนะคะ เจ้าหน้าที่ที่ทำงานด้านฝ่ายทรัพยากรบุคคลคุยกันตลอดนะคะ อย่าคิดว่าถามหลาย ๆ คน จะช่วยทำให้เราได้ข้อมูลที่ครบถ้วนนะคะ อันนี้ฝากไว้นะคร่า

  1. เขียนรูซูเม่ หรือ ใบสมัครผิด สะกดผิด หรือ ไม่จัดรูปแบบให้เรียบร้อย
    สิ่งสำคัญของการทำงานคือ มารยาท ซึ่งเริ่มจากการเขียนรีซูเม่ของเราแล้วค่ะ เราต้องให้เกียรติคนอ่านว่าเค้าอ่านทุกตัวอักษร การเขียนคำสะกดผิด หรือ การเขียนใบสมัครผิด จะแสดงให้เห็นถึงความเป็นคนที่ทำอะไรลก ๆ ไม่ให้ความใส่ใจในการทำงานชิ้นใดชิ้นหนึ่ง ขนาดรีซูเม่ ซึ่งเป็นหน้าต่างด่านแรกของการเพื่อให้ได้งาน เรายังไม่ตรวจทาน ไฉนการทำงานในอาคตเราจะตรวจทาน ดังนั้นแววมันมาแล้วค่ะ ว่าเราจะต้องเป็นผู้ที่มีโอกาสทำงานผิดพลาดได้สูงมาก ดังนั้นสิ่งที่เจ้าหน้าที่สรรหาทำคือ คัดรีซูเม่เหล่านี้ออกไปก่อนในรอบแรก

    ถึงแม้จะแอบเสียดายเพราะหลายคนประสบการณ์ตรง หรือ มีคะแนนดี แต่องค์กรสมัยใหม่คิดเสมอว่า คนเก่ง หรือ ทักษะฝึกได้ แต่ Attribute Data หรือลักษณะที่เป็นเฉพาะส่วนบุคคล เช่นความละเอียด มันฝึกยาก และสร้างความเสียหายมากกว่า

    แต่ถ้าเราเขียนใบสมัครผิด แล้วขีดฆ่า จะแสดงให้เห็นว่าเราใจร้อน และไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือบางที่อาจจะมองว่าเรามีสติน้อย ถ้าต้องเข้ามาในตำแหน่งที่ต้องการการใช้สติสูง หรือ ต้องการคนใจเย็น เราก็อาจจะไม่ใช่ Candidate ที่ถูกเลือกให้ไปต่อก็ได้

    การส่งรีซูเม่มาให้บริษัทแต่ไม่ได้คำนึงถึงการจัดรูปแบบการจัดหน้า การวางตัวอักษร ก็อาจจะทำให้คะแนนเราตกไปนิด ๆ ก็นะคะ ทางที่ดีก่อนส่งลอง Preview ดูก่อนก็ได้ค่ะ ว่าออกมาหน้าตาเป็นอย่างไร และคิดว่าถ้าเราเป็นเจ้าของบริษัทกำลังหาคนมาทำงานอยู่ การที่เค้าละเลยเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้มีความสำคัญกับเราหรือเปล่า หรือลองสังเกตุพวกมืออาชีพดูว่าเค้าทำกันอย่างไรนะคะ

 

 

  •  
     

การแนะนำงาน - คำแนะนำอื่นๆ