พิธีมอบปริญญาบัตร

เย้! จบการศึกษาแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีและปลาบปลื้มของคนที่จบ ครอบครัว และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคน แต่หลังจากจบแล้ว ถ้าเราไม่ใช่นักศึกษาที่มีคนมาจองตัวตั้งแต่ยังไม่จบการศึกษาล่ะ จะทำอย่างไรดี จะเตรียมตัวอย่างไรเพื่อก้าวสู่การสมัครงานที่มีการแข่งขันอย่างมากมาย เราได้เตรียมความพร้อมเรื่องนี้กันแล้วหรือยัง?

 

จากจำนวนสถิตินักศึกษาที่จบในปี 2559 ที่ผ่านมา มีมากมายถึง 1,669,361คน จากมหาวิทยาลัยทั่วประเทศไทยที่ส่งข้อมูลมา 145 มหาวิทยาลัย (ที่มาจากเว็บไซต์ http://www.info.mua.go.th/information/) ยังไม่นับคนที่จบการศึกษาในปีก่อนหน้าและยังไม่ได้งาน หรือ คนที่กำลังตกงานและหางาน รวมถึง คนที่กำลังตัดสินใจจะเปลี่ยนงาน ถ้าให้เราเดากันคิดว่าตัวเลขของคนที่กำลังหางานในแต่ละปีเป็นเท่าไหร่กัน เป็นข้อมูลที่น่าสนใจเพื่อให้เราได้เตรียมตัวกัน

 

ในกรณีที่เราเป็นนักศึกษาจบใหม่เราจะต้องเตรียมตัวอย่างอย่างไรเพื่อเข้าสู่ตลาดแรงงานอย่างเต็มตัว เตรียมตัวอย่างไรเพื่อให้องค์กร บริษัท หรือ หน่วยงานที่เราส่งใบสมัครไปสนใจและเรียกสัมภาษณ์งาน เตรียมตัวอย่างไรเมื่อเค้าเรียกไปสัมภาษณ์งานแล้วเราต้องให้เค้าเลือกเราเป็นคนที่ผ่านการพิจารณาและให้เราเข้าไปทำงานเป็นส่วนของขององค์กร หน่วยงาน หรือบริษัทฯ ของเค้า ตอนนี้เรารู้หรือยัง

 

ถ้ายังไม่รู้วันนี้เรามีเคล็ดไม่ลับ ฉบับย่อ ๆ มาฝากกัน เพื่อให้นักศึกษาที่จบใหม่ กำลังจะจบ หรือ กำลังเรียนอยู่ได้เตรียมตัวกันล่วงหน้า ยิ่งรู้เร็วเท่าไหร่ เราก็มีโอกาสในการเตรียมตัวเร็วเท่านั้น เมื่อเราเตรียมตัวได้แน่น โอกาสในการงานได้งานก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเราอีกต่อไป

 

  1. การเตรียมรีซูเม่ อย่าเพียงแค่รีซูเม่ ทำให้อยู่ในหน้าเดียว เราเรียกว่า One Page Summary

  2. ช่องทางการติดต่อ อย่าคิดว่าไม่สำคัญ ใส่ให้ครบทั้งเบอร์โทร อีเมล์ ไอดีไลน์ ไอจี และเฟสบุ๊ค

  3. รูปติดรีซูเม่ ถ้าไม่ใช่บริษัทครีเอทีฟ ไม่ต้องเยอะ เอาแบบพองาม แต่ก็ไม่ต้องขนาดหน้าตรงถ่ายบัตรประชาชน

  4. หางานจากรุ่นพี่ ง่ายกว่าหว่านรีซูเม่เยอะ เพราะเดี๋ยวนี้บางบริษัทมีให้หาพนักงานผ่านพนักงาน ทำให้เกิดอาการวินวิน (Win-Win) รุ่นพี่ได้ตังค์เราได้งาน ง่าย ๆ สบาย ๆ เลย

  5. ถ้าอยากได้เงินเดือนมากกว่าคนอื่น ก็ต้องได้ภาษาอังกฤษ หรือ ภาษาอื่น ๆ เคล็ดลับภาษาไม่ยากเลย เพียงแค่ฟัง ๆ ฝึกพูด ๆ ตามที่ฟัง ค่อย ๆ ฝึกคิดเป็นภาษาอังกฤษ  หาเพื่อนแชทต่างชาติ  เป็นอาสาสมัครพาเที่ยวให้กับคนต่างชาติ หลากหลายวิธีเพื่อพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ ถ้ายังไม่ได้ ก็น่าเสียดาย เพราะโลกเปลี่ยนไปแล้ว เราต้องตามให้ทัน ไม่งั้นเราจะกลายเป็นคนดี มีความสามารถ แต่เสียโอกาสเพราะภาษาไม่ได้

  6. อยากแตกต่างอย่างน่าสนใจก็แชร์การมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ เยอะ พร้อมสิ่งที่ได้เรียนรู้ การทำกิจกรรมในโรงเรียน ในมหาวิทยาลัย ทำให้เรามีการเข้าร่วมการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งกับผู้อื่น ทำให้เห็นการทำงานเป็นทีม รู้จักเสียสละและอดทน ถ้าเราสามารถอธิบายสิ่งที่เราได้เรียนรู้ ประสบการณ์ แนวคิด หรือ ความคิดเห็นอย่างใดอย่างหนึ่งกับกิจกรรมที่เราเข้าร่วม และสามารถโยงเข้ามาเพื่อใช้ในชีวิตการทำงานที่จะได้รับโอกาสได้แล้ว ถือว่าเป็นคะแนนบวกอย่างแรง

  7. รู้ไหม งานอดิเรกสามารถบอกความเป็นตัวเราได้เป็นอย่างดี อย่าลืมใส่อดิเรกที่ชอบและทำเป็นประจำด้วยล่ะ บางคนละเลยลืมใส่งานอดิเรกที่เราสนใจ ใส่ใจ และมีความสุขที่ได้ทำมัน ทำให้เราเสียโอกาสในการถูกประเมินในอีกด้านที่บางครั้งเพียงการสัมภาษณ์ประมาณชั่วโมงหนึ่งไม่ได้ถามหรือเจาะลึกเข้าไป  งานอดิเรกสามารถประเมิณคุณลักษณะเฉพาะส่วนตนของเราได้ ทำให้เห็นอีกภาพ ที่บางครั้งเราไม่ได้พูดตอนระหว่างสัมภาษณ์ ถ้างานอดิเรกที่เราใส่ลงไปสามารถตอบโจทย์ทักษะของตำแหน่งงานนั้น ๆ หรือ ฟิตกับองค์กรพอดี จะกลายเป็นโอกาสของเราไปเลยก็ได้

  8. บุคลิกภาพ ใครว่าไม่สำคัญ เชื่อเถอะเวลาเราเลือกคนเข้ามาทำงาน ก็ต้องดูบุคลิกภาพ การแต่งกาย การพูดจา เสื้อผ้าหน้าผมที่แต่งมาในวันที่เจอกันทั้งนั้น มันเป็นความประทับใจแรกของคนกลุ่มหนึ่งกับอีกคนหนึ่งที่เราไม่เคยเจอกันมาก่อน ความไว้วางใจกับความเชื่อถือก็มาจากบุคลิกภาพที่เราแสดงออกในการเจอกันครั้งแรก จงระวังการแต่งกาย ทรงผม ขี้เล็บ ขี้ฟัน กลิ่นปาก กลิ่นรองเท้า ความสกปรกของรองเท้า เสื้อผ้า กระเป๋า และอื่น ๆ

  9. การสื่อสาร จะทำอย่างไรที่สื่อสารสิ่งที่เราตั้งใจหรือต้องการที่จะสื่อให้กับผู้รับสาร ซึ่งก็คือผู้สัมภาษณ์เรานั่นเอง บางคนเป็นคนฉลาดมาก แต่พูดไม่มีการเรียบเรียงทำให้คนฟังไม่สามารถจับประเด็นได้ หรือ บางทีก็พูดวกวนไม่ตอบให้ตรงคำถาม หรือบางครั้งไม่ฟังคำถามให้ดี ก็ใจร้อนชิงตอบคำตอบไปก่อน ทำให้ผู้สัมภาษณ์ต้องพยายามค่อย ๆ ไล่ประเด็นจนบางครั้งกลายเป็นเหนื่อยและไม่อยากรับคนลักษณะแบบนี้ ดังนั้นเวลาที่เราไปสัมภาษณ์งานการตอบคำถามต้องฟังคำถามให้ชัด ถ้าไม่เข้าใจคำถามให้ถามซ้ำได้อีกรอบ แต่ถ้าเกินสองรอบน่าจะอันตราย และเวลาตอบคำถามให้หายใจลึก ๆ พูดลดสปีดลงนิดหนึ่ง และลากเสียงให้ยาวขึ้น เว้นจังหวะให้ตัวเองได้หยุดหายใจและให้ผู้สัมภาษณ์ได้ใคร่ครวญก็จะแลดีมีเสน่ห์มีความน่าเชื่อถือเพิ่มขึ้นมาก

  10. ทัศนคติในมุมมองของการใช้ชีวิต จะต้องตอบแบบเป็นกลางตามความเป็นจริงของธรรมชาติ อย่าตอบหวานจนเลี่ยน หรือ มองโลกในแง่ร้าย จนชีวิตน่าสงสารเหลือเกิน ให้ตอบแบบกลาง ๆ ค่อนไปทางคิดบวก หรือโลกสวย

  11. มีรอยยิ้มเปื้อนหน้าอยู่ตลอดเวลา

 

โดยสรุปของ 11 เคล็ดไม่ลับเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการเริ่มต้นใหม่ของชีวิตในอีกบทบาทหนึ่ง ถ้าเป็นไปได้เรื่องการเตรียมการหางานนั้นควรจะทำและวางแผนตั้งแต่วันแรกที่เราเข้ามหาวิทยาลัย และเก็บประวัติของเราไว้ เพื่อนำมาใช้ในวันที่สมัครงาน “ถ้าเราวางแผนเตรียมการไว้ดีตั้งแต่ต้น หนทางที่ต้องการก็ไม่ยากที่จะไปถึง”

  •  
     

การแนะนำงาน - คำแนะนำอื่นๆ