ในฐานะที่เป็นผู้ที่คร่ำหวอดในวงการเอชอาร์มามากกว่าสิบปี จะเห็นได้เลยว่าการเปลี่ยนแปลงระบบบริหารการจัดการต่าง ๆ ของฝ่ายทรัพยากรบุคคลหรือการปรับเปลี่ยนขององค์กรต่าง ๆ นั้น มีเกิดขึ้นอยู่เสมอและต่อเนื่องตลอดเวลา บางกรณีอาจจะเป็นการปรับเปลี่ยนระบบเพียงเล็กน้อย หรือ บางทีเปลี่ยนระบบใหม่เลย โดยที่ไม่ได้สนใจระบบเก่าเลยก็มี ดังนั้นเราในฐานะที่ยังคงต้องเป็นลูกจ้างบริษัทและกำลังหางานบริษัทนั้น จำเป็นจะต้องรู้ภาพกว้างของระบบการบริหารที่มีการเปลี่ยนแปลงด้วยเหมือนกัน เพื่อที่จะได้เตรียมตัวให้พร้อมในการวางแผนการทำงานของเรา
โดยเฉพาะระบบการสรรหาบุคลากร หรือ ระบบคัดเลือกพนักงานเข้ามาทำงานในองค์กร ถ้าเป็นระบบราชการ เช่น การหางานครู อาจจะยังคงระบบเดิม แต่ถ้าเป็นระบบของฝั่งทางด้านบริษัทหรือหน่วยงานเอกชน ตอนนี้เริ่มจะมีการสร้างระบบการสรรหาบุคลากร หรือ ระบบการคัดเลือกพนักงานเข้ามาทำงานแบบใหม่กันแล้ว จริง ๆ ระบบนี้บริษัทใหญ่ ๆ ที่มีชื่อเสียงเค้าได้ทำกันมานานแล้วพอสมควร คือ
- ระบบการสรรหาและคัดเลือกบุคลากร ตั้งแต่ในมหาวิทยาลัย โดยทางบริษัทจะเข้าไปคุยกับทางมหาวิทยาลัยและทำกิจกรรมร่วมกับนักศึกษา เพื่อดูทัศนคติและมุมมอง ความประพฤติ การแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ระหว่างการทำกิจกรรม การทำงานเป็นทีม ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่นักศึกษาจะฉายแววตอนที่ได้ทำกิจกรรม รวมถึงวิชาเรียนต่าง ๆ ที่ทำคะแนนได้ดีและไม่ได้ดี ก็จะเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณา และถ้านักศึกษาสามารถผ่านเกณฑ์ที่บริษัทหรือหน่วยงานเอกชนนั้น ๆ ได้ตั้งไว้ ก็จองตัวกันหรือไม่ก็ให้ทุนส่งเรียนจนจบปีสุดท้ายของการศึกษาในมหาวิทยาลัย เป็นต้น
- ระบบการสรรหาและคัดเลือกบุคลากรโดยทำ MOU กับทางมหาวิทยาลัย MOU คือ ย่อมาจาก Memorandum of Understanding หรือบันทึกความเข้าใจ ระหว่างสถานศึกษากับบริษัทหรือหน่วยงานที่สนใจเข้าร่วมโครงการ โดยมีข้อตกลงกันว่านักศึกษาจะเรียนทฤษฎีที่มหาวิทยาลัยกี่วันและมาเรียนรู้ภาคปฏิบัติกับทางบริษัทกี่วัน ซึ่งการทำข้อตกลงแบบนี้ทำให้เกิดผลดีทั้งสามฝ่ายคือ ฝ่ายที่หนึ่งคือ สถานศึกษาสามารถ การันตี การเรียนจบแล้วมีงานทำให้กับนักศึกษาได้ รวมถึงมีส่วนช่วยสนับสนุนนักศึกษาหรือนักเรียนที่เรียนดีแต่ขาดทุนทรัพย์ได้มีโอกาสเข้ามาเรียนต่อจนจบการศึกษาสูงสุด ฝ่ายที่สองคือ ตัวนักเรียนหรือนักศึกษา ที่สามารถได้รับประสบการณ์การทำงานจริงผ่านบริษัทหรือหน่วยงานที่รับเข้าไปทำ ทำให้เป็นผู้ที่ทั้งความรู้ด้านทฤษฎีจากสถานศึกษา และได้ลงมือปฏิบัติจริงเพื่อให้เกิดทักษะหรือความเชี่ยวชาญ เมื่อจบมาก็สามารถทำงานได้ทันที ฝ่ายสุดท้ายคือ ฝ่ายบริษัทหรือหน่วยงานที่รับนักเรียนหรือนักศึกษาเข้าไปทำงาน ก็สามารถเตรียมความพร้อมการทำงานให้กับพนักงานที่จะรับเข้ามาในอนาคต ไม่ต้องเสียเวลาฝึกหรือให้เรียนรู้เพื่อปรับตัว หน่วยงานสามารถให้นักเรียนหรือนักศึกษาหลังจากจบเข้ามาทำงานและทำงานได้เลย ทำให้ประหยัดงบประมาณในการฝึกสอนและเวลาในการอบรม ในปัจจุบัน MOU เริ่มทำกันอย่างแพร่หลายในสาขาวิชาที่ต้องการงานทางด้านฝีมือหรือทางด้านเทคนิคอลต่าง ๆ ที่ต้องมีการฝึกฝนเพื่อให้ได้ทักษะนั้น ๆ ขึ้นมาเช่น ช่างเชื่อม ช่างกลึง ช่างซ่อมบำรุงต่าง ๆ เป็นต้น
- ระบบการสรรหาและคัดเลือกบุคลากรโดยการทำเป็นกลุ่มกิจกรรมและทำการสัมภาษณ์เพื่อคัดเลือกผู้ที่เหมาะสม ซึ่งเป็นการสรรหาและคัดเลือกบุคลากรอีกแบบ ที่ไม่ใช่เพียงดูรีซูเม่ หรือ ประวัติของผู้สมัครแล้วเรียกมาสัมภาษณ์เหมือนที่เคยทำมา วิธีการดำเนินการทางบริษัทหรือหน่วยงานอาจจะจ้างบริษัทข้างนอกมาจัดทำกิจกรรมกับผู้สมัคร ซึ่งอาจจะเป็นกลุ่มของนักศึกษาจบใหม่ หรือ คัดเลือกจากใบสมัครก็ได้ เหตุผลที่มีการทำกิจกรรมการสรรหาและคัดเลือกบุคลากรแบบนี้ขึ้นมา เพื่อที่จะได้สังเกตุและประเมินศักยภาพของผู้สมัครแต่ละคนผ่านกิจกรรมที่ได้จัดเตรียมไว้ เพื่อดูว่าผู้สมัครแต่ละคนแสดงออกผ่านแต่ละกิจกรรมอย่างไร ทางบริษัทหรือหน่วยงานจะมีผู้ประเมินคอยสังเกตุระหว่างที่ผู้สมัครทำกิจกรรม โดยทั่วไปแล้วบริษัทหรือหน่วยงานเอกชนส่วนใหญ่ต้องการพฤติกรรมหรือ ความสามารถหลักร่วมที่คล้าย ๆ กัน เช่น ทัศนคติที่ดีเป็นคนคิดบวก เป็นผู้ที่มีความพยายามไม่ท้อถอยง่าย ๆ เป็นผู้ที่มีความกล้าในการแสดงออกในสิ่งที่ดีและถูกต้อง เป็นคนที่ทำงานหรือมีวิธีคิดที่มีหลักการและเหตุผล เป็นต้น และอาจจะมีการทดสอบทักษะทางด้านภาษาอังกฤษ ทดสอบทางด้านการพิมพ์ดีด หรือทักษะทางด้านการนำเสนอผลงาน หรือ การแก้ปัญหา เป็นต้น
- ระบบการสรรหาและคัดเลือกบุคลากรแบบ Direct Approach หรือ แบบเล็งเป้าหมายว่าตำแหน่งนี้เหมาะกับตำแหน่งระดับสูง ๆ โดยที่ทางเจ้าหน้าที่สรรหาบุคลากรหรือกลุ่มคนที่ทำงานในฝ่ายทรัพยากรบุคคลจะทำการ เสริซท์หรือค้นหาข้อมูลของผู้ที่ต้องการไว้อยู่แล้วบางส่วน หรือมีการสร้างเครือข่ายไว้อยู่แล้วตั้งแต่ตอนแรก ดังนั้นเมื่อบริษัทหรือหน่วยงานมีตำแหน่งว่าง เราก็สามารถจับแม็ชท์ได้เลยว่าตำแหน่งแบบนี้เราจะโทรหาใครเพื่อยื่นข้อเสนอให้เค้ามาคุยกับผู้บริหาร และถ้าเคมี ความสามารถ ตรงกัน ส่วนใหญ่ก็จะไม่ค่อยพลาด ดังนั้นวิธีการสรรหาและคัดเลือกบุคลากรในยุคปัจจุบัน ใช่ว่าเราจะต้องเป็นฝ่ายสมัครงานไปเท่านั้น ถ้าเราเป็นผู้ที่มีการเตรียมความพร้อมของความเชี่ยวชาญงานของตนเองไว้เป็นอย่างดี เป็นที่ต้องการของตลาดก็ไม่ยากที่อาจจะมีหลายคนมายื่นข้อเสนองานตำแหน่งดี ๆ ให้กับเรา
- ระบบการสรรหาและคัดเลือกบุคลากรแบบ Referral Program หรือ แบบเพื่อนแนะนำมา ซึ่งบริษัทใหญ่ ๆ หลายบริษัทหรือบริษัทเล็ก ๆ ก็ตาม ก็จะได้บุคลากรโดยวิธีนี้พอสมควร
ทั้งหมดคือส่วนหนึ่งของระบบการสรรหาและคัดเลือกบุคลากรที่เกิดขึ้นในยุคปัจจุบัน ยังไม่รวมการใช้ Headhunter หรือหน่วยงานที่เป็นตัวกลางในการหางานหาคนที่มีในตลาด สิ่งสำคัญที่อยากฝากไว้ให้คิดคือเมื่อเรารู้แล้วว่าทางบริษัทหรือหน่วยงานเค้ามีระบบการสรรหาและคัดเลือกบุคลากรที่เปลี่ยนไป แล้วตัวเราเองเตรียมพร้อมเรื่องนี้ไว้อย่างไร