สำหรับคนที่อยากจะได้รับโอกาสให้เข้าไปร่วมทีมเดียวกันกับบริษัทต่างๆ นั้น ต่อให้มีโปรไฟล์เทพแค่ไหน ทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องผ่านแบบทดสอบนี้ด้วยกันแทบจะทุกครั้ง นั่นก็คือ การสัมภาษณ์งานนั่นเอง ซึ่งจะว่าไปแล้ว ปราการด่านสุดท้ายด่านนี้นี่แหละ แต่จะเป็นตัวชี้ชะตาว่าคุณจะได้เข้าทำงานรึเปล่า
ก่อนอื่นเลย เราอยากจะปรับความเข้าใจกับคนที่เคยตกสัมภาษณ์มาก่อนนะว่า ไม่ใช่ว่าคุณไม่ดีพอ ไม่ใช่ว่าคุณไม่เก่ง หรือไม่ใช่ว่าคุณไม่มีแรงบันดาลใจมากพอหรอกนะ ถึงได้ไม่ผ่านการสัมภาษณ์งาน เพียงแต่งานละอย่างนั้นมีความแตกต่างกัน บางทีคุณอาจจะเป็นคนที่มีความสามารถมากสุดๆ แต่ว่าคาแรคเตอร์ของคุณนั้นไม่เข้ากับตำแหน่งงาน หรืออาจจะไม่เหมาะกับทีมงานที่เป็นกำลังสำคัญให้กับทางบริษัทในขณะนั้นก็อาจจะเป็นได้ ดังนั้นไม่ต้องเสียใจ เพราะนั่นมันไม่ใช่โอกาสสุดท้ายในชีวิตของคุณหรอกนะ ยังมีบริษัทอีกมากมายที่ต้องการหาคนเข้าไปทำงานกับพวกเขา ดังนั้น เพียงแค่คุณไม่สิ้นหวังจนเกินไป สักวัน คุณก็จะสามารถคว้าเอาตำแหน่งที่เหมาะสมนั้นมาครองได้อย่างแน่นอน
ขอเริ่มเรื่องแรกด้วยเรื่องการแต่งหน้าและแต่งตัว
นี่ก็เป็นอีกประเด็นสำคัญที่จะมองข้ามในการเข้าสัมภาษณ์ไปไม่ได้เลย เราขอบอกไว้ตรงนี้เลยนะว่า ไม่ใช่ทุกงานที่ต้องการคนใส่เสื้อสูท แต่ถ้าใส่ไปแล้วมั่นใจ หรือรู้สึกว่าเป็นการให้เกียรติสถานที่ แบบนี้ก็โอเค แต่ก็ดูองค์ประกอบอย่างอื่นให้ดีด้วยนะ เช่น ถ้าคุณไปสัมภาษณ์งานในตำแหน่งที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์มากๆ หรือเป็นตำแหน่งงานที่ต้องบุกต้องลุยอย่างสมมุกสมบัน บางครั้งการแต่งชุดสูทก็อาจจะดูผิดกาลเทศะได้เหมือนกัน งานนี้ก็ต้องปรับให้เข้ากับลักษณะงานที่ทำ นั่นหมายความว่า คุณต้องทำการบ้านเพิ่มมากขึ้น ไม่ใช่ว่าฉันมีเกรดสูง ฉันจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง แล้วจะได้งานที่ต้องการเสมอไป
นอกจากนี้น้องๆ ที่เพิ่งจะจบใหม่อาจจะต้องระวังเรื่องการแต่งกายให้มากเป็นพิเศษ เพราะพี่ๆ ฝ่ายบุคคลแจ้งเข้ามาเยอะมากเลยว่า ต้องการให้น้องๆ แต่งชุดที่ดูสุภาพเข้าไปสมัครงาน เพราะบางคนนี่แต่งตัวไปสัมภาษณ์ด้วยชุดสบายๆ เหมือนกำลังจะออกไปเที่ยว หรือไม่อย่างนั้นก็แต่งตัวตามแฟชั่น ราวกับว่ากำลังจะไปขึ้นคอนเสิร์ตเพลง K – Pop ก็ไม่ปาน บางคนนี่มาทั้งกางเกงยีนส์ขาดๆ ทำเอาพี่ๆ HR เวียนหัวไป 3 ตลบ หรือไม่อย่างนั้นก็แต่งหน้าเข้ม ทาแบบสีดำแบบชาวร๊อค แบบนี้ๆ พี่ฝ่ายบุคคลฝากมาบอกเลยว่าไม่เอานะ เรื่องการแต่งหน้าเนี่ย ไม่ใช่ว่าห้ามแต่ง แต่ต้องแต่งคุมโทนสักนิด เลือกลิปสติกโทนสีนู้ด หรือสีชมพูอมส้มอมแดงก็สดใสน่ารักแล้ว อย่าเผลอทาสีแปลกๆ มา แบบนี้จะทำให้คะแนนน้องร่วงนะ ขอบอก ถ้าอยากแต่งจริงๆ ก็เก็บเอาไว้แต่งตอนวันหยุด แบบนั้นน้องอยากแต่งแบบไหนก็เต็มที่เลย
นอกจากนี้ คุณต้องทำการบ้านดีๆ ก่อนเข้ารับสัมภาษณ์
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องประวัติความเป็นมา สินค้าและบริการ จุดเด่น วิสัยทัศน์ และอนาคตของบริษัท รวมไปถึงบริษัทแม่ บริษัทลูก และบริษัทคู่ค้า คุณต้องหาข้อมูลพวกนี้มาอ่านบ้าง เพื่อเป็นการสร้างความประทับใจให้แก่กรรมการ เวลาที่คุณตอบคำถามเกี่ยวกับองค์กรได้ เขาจะได้ประทับใจว่าคุณสนใจที่จะทำงานร่วมกันจริงๆ และนี่ก็จะเป็นอีกจุดที่จะทำให้คุณได้รับคะแนนมากพิเศษ นำห่างผู้เข้าสัมภาษณ์คนอื่นๆ ไปไกล
ประเด็นต่อมา ก็คือการตอบคำถามอื่นๆ ระหว่างสัมภาษณ์
ซึ่งก็มีคำถามที่มักจะพบเจอกันได้บ่อยอยู่เช่นกัน แต่เราไม่สามารถหยิบยกมาได้เสียทั้งหมด ไหนลองมาดูกันสักคำถามดีกว่าสิว่า ถ้าคุณเจอคำถามแบบนี้เข้าไป คุณจะตอบกรรมการในการสัมภาษณ์ว่ายังไง
คำถามสุดฮิต “คุณสามารถทำงานนอกเวลาได้หรือไม่”
อันที่จริงคำถามนี้มีได้หลายคำตอบ ถ้าจะว่าไปแล้วตามกฎหมายของกระทรวงแรงงานนั้น อนุญาตให้แรงงานทำงานติดต่อกันได้ไม่เกิน 8 ชั่วโมงต่อวัน ถ้าหากต้องอยู่ทำงานต่อนานกว่านี้ ต้องเป็นไปด้วยความสมัครใจของพนักงานเอง แน่นอนว่าใครๆ ก็อยากมีเวลาพักผ่อนกันทั้งนั้น แต่เพื่อที่จะได้รับโอกาสในการทำงาน คุณเลือกที่จะตอบว่า คุณสามารถทำได้ คุณก็ต้องรับผิดชอบคำพูดของคุณด้วยเช่นกัน ถ้าหากว่ารับปากและได้เข้าทำงานจริงๆ แล้ว แต่ว่าคุณไม่สามารถทำงานนอกเวลาได้ตามที่เคยสัญญาเอาไว้ ไม่ว่าจะมาจากสาเหตุร้อยแปดพันเก้า ทั้งต้องไปรับลูกที่โรงเรียน ต้องกลับไปดูแลพ่อแม่ที่เริ่มแก่เฒ่า หรือมีธุระอื่นๆ
ที่จำเป็นจะต้องออกไปทำ คุณก็จำเป็นที่จะต้องอยู่ทำงานต่อจนเสร็จ ไม่อย่างนั้นแล้ว ทางบริษัทก็มีสิทธิที่จะพิจารณาให้คุณออกจากงานได้เช่นเดียวกัน ทั้งนี้ เรารวมถึงวันเสาร์และวันอาทิตย์ ที่มีการประชุม อบรม หรือสัมมนาด้วย โดยที่คุณอาจจะได้ หรือไม่ได้เบี้ยเลี้ยงในการทำงานนอกเวลาเลยก็ตาม ดังนั้นเราจึงอยากให้คุณคิดดีๆ ว่าจะตอบคำถามนี้ว่าอย่างไร ถ้าหากมาไม่ได้ก็ควรจะตอบไปตามตรงเลย
แต่อาจจะพ่วงด้วยขอเสนออื่นๆ ตามท้าย เช่น เกรงว่าจะมาไม่ได้ครับ/ค่ะ แต่ผม/ดิฉัน สามารถช่วยงานอื่นๆ ได้ โดยการนำงานกลับไปทำที่บ้านหรือข้อเสนออื่นๆ ที่คุณเห็นว่าเหมาะสม เนื่องจากบริษัทส่วนใหญ่ในปัจจุบัน แทบจะทุกบริษัทที่ต้องการหาคนมาทำงานล่วงเวลา การที่ได้คนที่รู้ระบบงานอยู่แล้วมาช่วยทำงาน ย่อมเป็นทางเลือกที่บริษัทต้องการ แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้ทำงานเองเป็นสำคัญ เราจึงอยากให้คุณคิดให้รอบคอบก่อนตอบคำถาม
และนี่ก็เป็นสิ่งที่คุณควรรู้ ก่อนที่จะเข้ารับการสัมภาษณ์ ถ้าทำตามได้ครบทุกข้อ โอกาสที่คุณจะได้งานทำก็มีสูงมากขึ้นกว่าที่เคยเลยเท่าตัวเลยล่ะ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่กำลังหางานอยู่ในตอนนี้ สู้ๆ