รูป คนตกงานในชุด star war

เรามาว่ากันต่อนะครับ

 

  1. คอนเนคชั่นจากการไปร่วมกิจกรรมต่าง ๆ
    เราอาจจะไม่เคยรู้มาก่อนว่าคอนเนคชั่น หรือ การออกไปพบปะผู้คนภายนอกบริษัทนั้น จะช่วยนำพาสิ่งดี ๆ มาให้เรา เสมอ โดยเฉพาะเรื่องการหางาน คนส่วนใหญ่เวลารับคนเข้าทำงาน เปอร์เซ็นต์ของความน่าเชื่อถือและถูกรับคนสมัครงานนั้นจะมาจากการแนะนำของเพื่อน ๆ ที่รู้จัก ไม่ว่าจะคนในองค์กรที่รู้จัก หรือ เพื่อน ของเพื่อน เพราะการที่มีคนแนะนำนั้นสามารถสอบกลับเรื่องความสามารถ ความรู้ ทักษะที่มีได้ง่าย ถ้าคนที่เค้าแนะนำมาไม่ดีไม่มีคุณสมบัติที่ตรง เชื่อแน่ว่าเค้าไม่ให้คนรู้จักมาสมัครแน่นอน รวมถึงฝั่งตรงข้ามหากมีคนมาชวนเราไปทำงานในบริษัทของเค้าก็แสดงให้เห็นว่าบริษัทนั้น ๆ ก็เป็นบริษัทที่เหมาะสมที่เราควรจะทำงานด้วยเช่นกัน ไม่งั้นเพื่อนหรือคนรู้จักคงไม่แนะนำเราเข้าไปทำงานแน่นอน

    ดังนั้นการออกไปพบปะเพื่อน ๆ หรือ เข้าแก๊งค์ของเพื่อน หรือ ไปอบรม สัมมนาต่าง ๆ รวมถึงการเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะมีโอกาสทำให้เราได้เจอเพื่อนใหม่ ๆ คนรู้จักใหม่ ๆ ทำให้เราสามารถขยายคอนเนคชั่นได้กว้างขึ้น ก็จะสร้างโอกาสในทางธุรกิจ รวมถึงการหาแหล่งข่าวในการหางานในอนาคตได้อีกด้วย

  1. ไม่รู้แค่เพียงถาม หรือ ค้นหาข้อมูล ด้วยตนเอง
    การเตรียมตัวหรือเตรียมความพร้อมในงานที่วาดหวังไว้ หรือ รอในการทำงานเพื่อหางานในอนาคตนั้น มีทางลัดที่ง่ายและสั้นมากด้วยเหมือนกัน เพียงแค่ตั้งคำถาม ไม่ว่าจะตั้งคำถาม ถามตัวเอง หรือ ถามผู้ที่มีประสบการณ์ในเรื่องนั้น ๆ หรือการค้นหาข้อมูล ทฤษฎี งานวิจัยอ้างอิงต่าง ๆ ไว้ ก็ไม่เสียหลายเพื่อเมื่อถึงเวลาเราก็มีข้อมูลพร้อมอยู่ตรงหน้า ที่เหลือเพียงแค่ประสบการณ์ในการทำงานในเรื่องนั้น ๆ

  1. เครื่องมือในการทำงานมีเยอะ ต้องรู้จักปรับใช้
    ตอนที่เรายังมีงานทำ เราเองบางทีก็มองข้ามเครื่องมือที่สำคัญ ๆ ที่บริษัทเค้ามีเตรียมให้ เผลอ ๆ บางทีเรามองว่าเป็นเรื่องของการเพิ่มงานให้เราไปเสียนั่น ทำให้เราพลาดโอกาสดี ๆ ที่จะเก็บเกี่ยวเครื่องมือเหล่านั้นไว้เป็นของชิ้นสำคัญในวันที่เราต้องไปสมัครงาน หรือ สัมภาษณ์งานที่อื่น ๆ หมายรวมถึงระบบต่าง ๆ ที่บริษัทเค้าต้องทำขึ้นมาตามเงื่อนไขของกฏหมาย ของลูกค้า หรือเพื่อพัฒนาศักยภาพของบริษัทเองก็ตาม ถ้าเราเข้าใจและมองเป็นโอกาสที่เราจะได้เรียนรู้และฝึกฝนในการใช้เครื่องมื่อนั้น เพื่อให้คล่องและเกิดความเข้าใจอย่างสูงสุด จนสามารถนำไปประยุกต์ที่ไหนก็ได้ นั่นแหละที่เครื่องมือเหล่านั้นจะสรรค์สร้างประโยชน์สูงสุดให้แก่เราในยามที่เราต้องการ ตัวอย่างเครื่องมือที่ใช้ในการทำงานที่เราควรจะเก็บและหมั่นฝึกฝนในการใช้เช่น Competency เครื่องมือการบริหารความสามารถของพนักงาน Problem Solving เครื่องมือในการช่วยแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ Why Why Analysis เครื่องมือที่ช่วยวิเคราะห์ปัญหาให้ถึงรากของปัญหา GROW เครื่องมือในการพัฒนาตนเอง หรือทำโครงการงานเสนอผู้บริหารที่ต้องการลิมิตเวลาให้จำกัด One Page Summary เครื่องมือที่ช่วยเรียบเรียงความคิดและให้เราสามารถนำไปเสนอได้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน ข้อมูลครบถ้วน ไม่หลงประเด็น ตัวอย่างระบบที่เราควรหมั่นฝึกฝนและลงมือทำคือ 5ส ระบบที่ดูเหมือนง่ายแต่เราต้องทำความเข้าใจอย่างลึกซื้งเราถึงจะรู้ว่า 5ส เป็นพื้นฐานของทุกระบบในโรงงาน เป็นต้น

  1. เพื่อนร่วมงานมีหลายแบบหลายประเภทเลือกนิดนะ
    เพื่อนร่วมงานเกี่ยวอะไรกับการเตรียมความพร้อมในการหางานของเรา จริง ๆ จะบอกว่าเกี่ยวมาก เพราะเพื่อนในที่ทำงานมีหลายแบบ หลายประเภทเราก็ต้องเลือกที่จะสุงสิงนิดหนึ่ง ถ้าเราเลือกที่จะไปอยู่กลุ่มเพื่อนที่ขี้เกียจ ไม่อยากทำงาน ต่อว่าแต่บริษัท แต่ก็ไม่ออสักที จะทำให้ชีวิตการทำงานของเราไม่ก้าวหน้า เพราะเราเอาเวลาไปเสียกับเรื่องที่ต้องไปนินทาว่าคนอื่น ว่าหัวหน้า ว่าบริษัท จนทำให้เราอาจจะกลายเป็นคนคิดลบในในที่สุด เมื่อถึงเวลานั้นกฎแรงดึงดูดจะทำงานและจะนำพาชีวิตเราไปเจอเรื่องลบ ๆ เจอคนลบ ๆ ทำให้อะไรก็ไม่สำเร็จเพราะไม่มีพลังด้านบวกในการที่จะทำงานหรือทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดให้สำเร็จ

    แต่ถ้าเราเลือกคบเพื่อนที่ชวนเราพัฒนาศึกษาหาความรู้อยู่ตลอดเวลา มีการยกประเด็นเรื่องโน่นเรื่องนี่ที่มีประโยชน์มาถกเถียงต่อยอดความคิดทางด้านการทำงาน คุยกันทีไรมีเรื่องต้องปรับปรุงการทำงานของตัวเองทุกที หรือต้องวางแผนเพื่อทำโครงการใหม่ ๆ อยู่เสมอ ก็จะทำให้เรามีพลังสรรค์สร้างสิ่งดี ๆ ให้กับองค์กรได้อย่างง่ายดาย เมื่อทำบ่อย ๆ ก็กลายเป็นทักษะที่เราสามารถทำงานหรือโครงการต่าง ๆ ได้สำเร็จ ดังนั้นเพื่อนร่วมงานก็สำคัญนะครับ

  1. ฝึกเป็นผู้นำ แม้นไม่มีตำแหน่งอะไร
    ในบางสถานการณ์ ที่ต้องการใครสักคนเป็นลีดเดอร์ เป็นผู้นำ หรือ เป็นผู้เสียสละ ขอให้คิดเสมอว่าโอกาสได้มาถึงเราแล้วจงยกมืออาสาเป็นผู้นำ เพื่อนำทีม ถึงแม้เราจะไม่มีตำแหน่งอะไรในด้านหน้าที่การงาน แต่การที่เราสามารถนำคนโดยไม่มีตำแหน่งนั้นก็เป็นศิลปะชั้นสูงถ้าใครทำได้ นั่นแหละเรามีแววเป็นผู้นำแล้วครับ หลักการเป็นผู้นำง่ายมาก เพียงแค่ฟังเสียงของคนอื่น คิดให้รอบด้าน กล้าที่จะเผชิญและยอมรับปัญหาแทนคนอื่น

  1. มองหาเรื่อง อยู่เสมอ
    มองหาเรื่อง คือ การมองตัวเอง มองงานที่เราทำอยู่ทุกวัน หาเรื่องให้มันดีขึ้น ทำอย่างไรทำให้ดีกว่าเมื่อวาน ไม่พอใจในสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ค่อย ๆ ปรับปรุงพัฒนาระบบกระบวนการรวมถึงวิธีการทำงานให้ดียิ่ง ๆ ขึ้น ยิ่งเรื่องเยอะทักษะในการปรับปรุงงานก็ยิ่งเยอะ ประสบการณ์ก็ยิ่งสูง

  1. เพราะบริษัท คือ โรงเรียน ที่จ่ายเงินเดือนให้เรา
    สุดท้ายขอให้เราทุกคนพึงระลึกไว้เสมอว่า การมีงานทำนะดีที่สุดแล้ว เพราะที่ทำงานคือสถานที่สร้างคุณค่าให้กับพวกเราทุกคน ที่ทำงานคือโรงเรียนที่สอนเราทุกเรื่อง แถมพอสิ้นเดือนยังจ่ายเงินเดือนให้เราอีก นึกถึงสมัยตอนเป็นนักศึกษาเราต้องจ่ายค่าเทอมแพง ๆ เพื่อแลกกับความรู้ ข้อมูล ที่อาจารย์ให้มา แต่ที่ทำงานกับตรงข้าม ดังนั้นการเตรียมตัวเพื่อเตรียมความพร้อมของเรานั้นจงทำเมื่อยังทำงาน และทำมันอย่างมีความสุขนะครับ

  •  
     

ทักษะ - คำแนะนำอื่นๆ