รูปพนักงานออฟฟิตหญิง กำลังทำงาน

หลายคนคงทราบดีแล้วว่าโลกของเรานั้นได้เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วในยุคสมัยนี้ ซึ่งบางทีการที่เราอยู่เฉย ๆ นิ่ง ๆ ไม่ทำอะไร ไม่พัฒนาตัวเองในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เราก็พบว่าวันหนึ่งเราตามคนอื่นไม่ทันเสียแล้ว ถ้าเราไม่ตื่นรู้ และวางแผนชีวิตของเราตั้งแต่วันนี้ เมื่อถึงวันที่เราต้องพบประสบเจอด้วยตัวเองว่าวันหนึ่งที่เราต้องสูญเสียงานที่เราทำ หรือหางานไม่ได้เพราะเราไม่ได้เปลี่ยนแปลงตนเอง และไม่ได้เตรียมพร้อมเป็นอย่างดีนั่นเอง

 

หากชีวิตเราเลือกได้ ระหว่างการทำงานในสำนักงานที่มีแอร์เย็นช่ำ ออฟฟิศสวย ๆ ได้แต่งตัวดี ๆ กับงานในโรงงาน ที่ต้องใส่ชุดยูนิฟอร์มของบริษัท ต้องก้มหน้าทำงานตามวิธีการทำงาน ไม่มีแอร์เย็น ๆ และแทบจะไม่มีเวลาคุยกันหรือพักเลย แถมยังได้รายได้ไม่ค่อยมาก ถ้าวุฒิการศึกษาเราเท่ากัน และเราสามารถเลือกได้ เราก็คงเลือกงานที่อยู่ในสำนักงานมากกว่าในโรงงานอยู่แล้ว มันเป็นเรื่องจริงที่เราปฏิเสธไม่ได้เลย 

 

ถ้าเรามีวุฒิการศึกษาที่เท่ากันคือจบปริญญาตรีเท่ากัน แต่เรายังไม่มีโอกาสทำงานในสำนักงานอย่างที่ใจเราปรารถนา เราอาจจะต้องมาหาเหตุผลว่าอะไรทำให้เราไม่สามารถได้งานในสำนักงานเหมือนคนอื่น และเราจะเตรียมพร้อมอย่างไรเพื่อให้ได้งานในสำนักงาน บอกก่อนนะคะ ว่างานในสำนักงานในส่วนใหญ่จะอยู่ในเมือง เช่น กรุงเทพฯ หรือ ตามในตัวเมืองของแต่ละจังหวัด ซึ่งในพื้นที่ในเมืองก็จะมีคนที่อาศัยอยู่เยอะ และทำให้เรามีคู่แข่งเยอะด้วยเหมือนกัน ดังนั้นสิ่งที่ดีที่สุดการเตรียมความพร้อมของเรา และลงมือสมัครงานเพื่อฝึกทักษะการสัมภาษณ์งานของเราไปในตัว อีกอย่างที่สำคัญคือการเรียนรู้ทุกครั้งที่เราได้เข้าไปสมัครงานหรือสัมภาษณ์งาน เราก็ลองสังเกตุดูว่าในแต่ละครั้งเราจะทำให้ดีขึ้น หรือทำอย่างไรให้เค้ารับเราได้ง่ายขึ้นด้วยเหมือนกัน

สิ่งที่เราจะต้องเตรียมพร้อมสำหรับการหางานเพื่อให้ได้งานในสำนักงานคือ

  • คุณสมบัติ

    • เราต้องศึกษาก่อนว่างานในสำนักงานมีกี่ประเภท และแต่ละประเภทหรือตำแหน่งงานนั้น ๆ เค้าต้องการคนที่มีคุณลักษณะอย่างไร เช่น สามารถเริ่มงานได้ทันที  มีประสบการณ์ในงานที่เกี่ยวข้องหรือไม่ต้องการประสบการณ์  อายุที่เค้ากำหนด
  • การศึกษา

    • ส่วนใหญ่ทุกตำแหน่งจะระบุวุฒิการศึกษาชัดว่าเค้าต้องการคนที่จบอย่างน้อยการศึกษาเท่าไหร่ แต่จะไม่จำกัดเรื่องสถาบันการศึกษา เรื่องเกรดที่เราได้รับ เท่าไหร่ ถึงแม้ชื่อเสียงของสถาบันกับเกรดจะมีผลต่อการรับสมัครงานหรือการดูประวัติหรือรีซูเม่ของเราบ้าง แต่ถ้าเราสามารถระบุเรื่องอื่น ๆ ให้มีความสำคัญและน้ำหนักมากกว่าก็สามารถที่จะช่วยได้ เช่น เกรดเราไม่ดี แต่เรามีการเข้าร่วมกิจกรรมเยอะมาก เป็นประธานชมรม หรือ ประธานการจัดงานต่าง ๆ แทน ก็ช่วยในเรื่องของการที่ฝ่ายสรรหาอาจจะมองข้ามเรื่องเกรดแต่ไปสนใจกิจกรรมที่เราทำและสิ่งที่เราได้เรียนรู้ระหว่างการทำกิจกรรมแทน
  • ทักษะความสามารถ

    • การประกาศรับสมัครงานเกือบทุกตำแหน่งของคนที่ทำงานในสำนักงานนั้นจะต้องมีเรื่องการใช้คอมพิวเตอร์ โปรแกรมที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ โดยพื้นฐานก็จะเป็นโปรแกรม Microsoft Office และการพิมพ์ดีดภาษาไทยและภาษาอังกฤษก็ยังจำเป็นที่จะต้องระบุเพื่อแสดงความสามารถในการพิมพ์ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เราได้เปรียบคนอื่น เพราะถึงแม้ทุกคนจะใช้คอมพิวเตอร์เป็น แต่การพิมพ์ได้อย่างรวดเร็วนั้นก็เป็นเฉพาะบางคนที่เค้าเชี่ยวชาญเนื่องจากการฝึกฝนเท่านั้น รวมถึงการระบุความต้องการทางด้านภาษาต่าง ๆ ไว้ โดยส่วนใหญ่ก็เป็นภาษาอังกฤษ เราก็ต้องถามตัวเองว่าเรายังขาดอะไร และก็เริ่มเติมในส่วนที่ขาดเพื่อเตรียมตัวเองในครั้งถัดไป
  • การเขียนรีซูเม่

    • การเขียนรีซูเม่ เป็นสิ่งสำคัญมาก ในเบื้องต้นของการสมัครงาน เพราะถ้าเราไม่รู้จักคนข้างในของบริษัทที่เราจะไปสมัคร ทางเดียวที่เค้าจะสกรีนหรือคัดเลือกเราในครั้งแรกเพื่อที่จะเรียกเรามาสัมภาษณ์งานคือการวิเคราะห์จากรีซูเม่ที่เราส่งให้เค้านั่นแหละ สำหรับเทคนิคการเขียนรีซูเม่นั้นง่ายมาก ให้เราเรียงลำดับความเด่นของตัวเราให้ถูกต้อง ถ้าเราเกรดเด่น ก็เอาเกรดขึ้นก่อน แล้วเอาความสามารถพิเศษตามมา แต่ถ้าเราเกรดอ่อน แต่มีความสามารถพิเศษมากกว่าก็เอาความสามารถพิเศษขึ้นมาก่อน หรือถ้าคุณสมบัติและคุณลักษณะของเราเด่นเราก็เอาขึ้นมาก่อน ว่าเราเป็นคนที่มีความอดทน เรียนรู้เร็ว และกล้าแสดงออก โดยที่เราต้องยกตัวอย่างพฤติกรรมที่เราเคยทำไว้ให้ชัดเจนด้วยเหมือนกัน รวมถึงการเพิ่มรูปที่ควรสุภาพ ยิ้มอย่างเปิดเผย และจริงใจ อย่างแต่งรูปเกิน เพราะจะทำให้เค้าไม่ประทับใจเวลาเจอเราครั้งแรก เอารูปแบบธรรมชาติสุภาพดีที่สุด เมื่อเขียนรีซูเม่เสร็จแล้ว ให้ตรวจทานอีกรอบว่าเราสะกดคำได้ถูกต้องไหม อย่าเขียนคำผิด เพราะจะแสดงให้เห็นถึงความไม่ละเอียดรอบคอบของตัวเรา
  • บุคลิกภาพ

    • การแต่งตัว การยืน การนั่ง การเดิน ไม่ต้องเป๊ะมาก แต่ต้องเรียบร้อย มีความมั่นใจในตัวเอง สะอาดสำคัญที่สุด และมารยาท รวมถึงการพูดจาต้องเหมาะสมและถูกกาละเทสะ
  • ทัศนคติ

    • ให้มองตัวเองให้เล็กให้เข้าไว้ เราไม่ใช่ศูนย์กลางของจักรวาล และต้องอ่อนน้อมถ่อมตน แต่ไม่ใช่อ่อนแอ มองโลกตามความเป็นจริง มีทัศนคติเชิงบวก
  •