สำหรับท่านที่สนใจ กำลังมองหางานใหม่ และอาจจะกำลังลังเลสงสัย และมีคำถามในใจเกี่ยวกับงานโรงงาน อยู่เช่น ทำโรงงานดีไหม, สภาพแวดล้อมการทำงานเป็นอย่างไร, งานหนักกว่างาน Office, เงินละดีไหม (เห็นคนทำงานโรงงานแถวบ้าน ชอบออกรถใหม่ มาอวด เป็นประจำ) เป็นต้น บทความนี้มีคำตอบครับ โดยเราจะเริ่มเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดว่า
งานโรงงาน จุดเด่นคือ เวลาส่วนตัวของชาวโรงงานค่อนข้างจำกัด เวลาเข้าออกงานได้ถูกกำหนดไว้ และต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เวลาว่างจะน้อย เมื่อทำงานไปสักพัก อายุงานเพิ่มมากขึ้น ตำแหน่งงานสูงขึ้นจะเริ่มมีเวลาส่วนตัวมมากขึ้น เนื่องจากตำแหน่งสูง จะเน้นผลงาน ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้มากกว่า ที่จะเน้นกฎหมายระเบียบการปฏิบัติ เช่น เวลาเข้าออก เป็นต้น งานค่อนข้างหนัก บางครั้งอาจต้องทำงานกันหามรุ่งหามค่ำ เพราะว่าจำเป็นต้องส่งงานให้ได้ตาม Deadline
งานโรงงานสวัสดิการดี โบนัสดี ทำงานไปนานๆ สวัสดิการก็จะเพิ่มขึ้นไปเป็นเงาตามตัว ค่าใช้จ่ายไม่สูง (เช่น อาหารในโรงงานราคาไม่แพง) เหมาะสำหรับหนุ่มสาวไฟแรง ที่ต้องการเก็บหอมรอมริบ อยู่ในวัยสร้างเนื้อสร้างตัว
งานบริษัท หรืองานออฟฟิศ ผู้ทำจะมีเวลาส่วนตัวค่อนข้างเยอะ ดังนั้นจึงมีเวลาเข้าสังคม พบปะผู้คน หรือมีเวลาว่างไปทำกิจกรรมส่วนตัวที่ต้องการ การที่มีเวลาเหลือค่อนข้างเยอะอาจเป็นดาบสองคม ถ้าคุณนำเวลาไปใช้อย่างเป็นประโยชน์เช่นศึกษาหาความรู้ในสายงาน หรือศึกษาต่อเพิ่มเติมจะเป็นสิ่งที่ดีมีประโยชน์ต่ออนาคตการทำงาน ในขณะเดียวกันถ้านำเวลาไปใช้จ่ายสุลุ่ย สุร่าย หรือเที่ยวเตร่ อาจจะทำให้รายได้ที่มี ไม่เพียงพอกับรายจ่ายที่เพิ่มขึ้น
ในใบประวัติงาน หรือ Resume ที่คุณเขียนและได้ส่งให้บริษัทก่อนการเรียกสัมภาษณ์งานนั้น จะเป็นการสรุปเกี่ยวกับตัวคุณสั้นๆ เพียง 1-2 A4 เท่านั้น เพราะถ้าเยิ่นเย้อไปจะไม่น่าอ่าน ดังนั้นท่าคุณเขียน Resume ดี ทำผู้ที่ทำหน้าที่พิจารณารับพนักงานเข้าทำงาน เช่นเจ้าหน้าที่ทรัพยาการบุคคล หรือ HR ของแต่ละโรงงาน หรือบริษัทสนใจ เรียกตัวคุณไปพูดคุยสัมภาษณ์ในรายละเอียดเพิ่มขึ้น ถ้าคุณสนใจรู้รายละเอียดเกี่ยวกับการเขียน Resume ที่ดี ให้ได้งานไม่ว่าคุณจะ หางานกรุงเทพ หรือ ต่างจังหวัดอ่านบทความนี้ก่อนได้ครับ “เทคนิคการสมัครงาน ทำอย่างไรถึงได้งาน”
ในการสัมภาษณ์งานก็จะมี รายการคำถามที่คุณมีโอกาสเจอสูง (มาก) อยู่ ถ้าคุณเตรียมตัวและฝึกตอบคำถามเหล่านี้ไว้มากพอ และตอบออกมาได้อย่างมั่นใจ โอกาสที่จะทำให้คุณได้งานในฝัน ก็จะเพิ่มขึ้นด้วย เอาละครับเราไปลงรายละเอียดกันเลย
1. ไหนลองเล่าเกี่ยวกับตัวคุณมาให้ฟังหน่อย
อย่าเข้าใจผิดนะครับว่า คำถามนี้ผู้ถามอยากฟังคุณสาธยาย เรื่องราวตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน แบบนั้นการสัมภาษณ์จะกินเวลานานเกินไป คำถามนี้เป็นคำถามที่ผู้สัมภาษณ์ต้องการทราบว่าคุณเป็นใคร เรียนอะไร มีประสบการณ์อะไร ทำอะไรมาบ้างเท่านั้น ให้คุณตอบกระชับ แต่ได้ใจความใช้เวลาไม่เกิน 2-3 นาที เช่น เล่าให้ผู้สัมภาษณ์ฟังว่าคุณชื่อเสียงเรียงนามอะไร เรียนคณะไหน ที่ไหนมา ได้อะไรจากการเรียนบ้าง จบมาแล้วทำงานมากี่แห่ง ได้ประสบการณ์อะไรบ้าง เช่น ทำงานบริษัท A ทำให้คุณได้เรียนรู้ 2 สิ่ง หลักๆ คือ 1. การทำงานร่วมกันกับคนอื่นๆ ทำงานเป็นทีม 2. การมีความอดทน บางครั้งต้องทำงานล่วงเวลา เพื่อส่งงานให้ทันตามกำหนดเวลา ทั้งสองสิ่งรวมเข้าด้วยกันทำให้ สามารถแก้ไขปัญหา ก,ช, ค… ได้ เป็นต้น
ในกรณีที่คุณจบใหม่ยังไม่เคยทำงาน อาจเล่าถึงกิจกรรมที่คุณเคยทำสมัยเรียนหนังสือ
2) ช่วยเล่าให้ฟังถึงเหตุผลถึงการลาออกจากที่เก่า
เมื่อเจอคำถามนี้ พยายามตอบให้กระชับ สั้น แต่ได้ใจความ และที่สำคัญตอบแต่ความเป็นจริง อย่าตอบเกินจริง เพราะบริษัทมีสิทธิ์ และสามารถขอติดต่อบริษัทเก่าของคุณ เพื่อตรวจสอบข้อมูลความถูกต้อง เกี่ยวกับตัวคุณก่อนพิจารณารับเข้าทำงาน สุดท้ายพยายามอย่าวิพากย์ วิจารณ์บริษัทเก่า นายเก่า หรือเพื่อนร่วมงานในแง่ลบ เพราะการวิจารณ์บุคคลที่ 3 ลับหลัง ไม่ได้ก่อให้เกิดผลดีอะไร โดยเฉพาะต่อผู้พูด อาจทำให้เสียภาพลักษณ์ได้
3) คุณรู้จักบริษัทเรามากน้อยแค่ไหน รู้อะไรเกี่ยวกับที่นี่บ้าง
รู้เขา รู้เรารบ 100 ครั้ง ชนะ 100 ครั้ง คำกล่าวนี้เป็นจริงเสมอ แม้กระทั่งตอนสัมภาษณ์งาน ถ้าคุณตอบคำถามนี้ได้ดี ในสายตาของผู้สัมภาษณ์จะเห็นว่าคุณมีความกระตือร้นที่จะร่วมงานกับบริษัท ดังนั้นให้คุณพยายามศึกษาข้อมูลบริษัทหรือโรงงานที่คุณต้องการร่วมงานด้วยให้มากที่สุด เช่น ผู้บริหารมีวิสัยทัศน์ พันธกิจอย่างไร, สินค้า หรือ บริการมีอะไรบ้าง เป็นต้น แหล่งข้อมูลที่ดีที่สุดก็คือ เว็บไซต์ของบริษัทนั่นเอง
4) ทำไมคุณถึงอยากร่วมงานกับเรา
ในกรณีที่คุณเตรียมตัวมาดี ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทที่คุณสมัครมาดี คำถามนี้ตอบไม่ยากเพียงตอบด้วยความมั่นใจ และจริงใจ เช่น
“หลังศึกษาจบ ผมได้ทราบว่าบริษัทนี้ มี ตำแหน่งงานว่าง ที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาจบใหม่ได้มีโอกาสเข้าร่วมงาน ผมจึงตัดสินใจสมัครงาน เพื่อการพัฒนาตนเอง โดยหาความรู้ในโลกการทำงานจริง และจะรับผิดชอบงานที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด ครับ”
5) ช่วยอธิบายตามความเข้าใจว่าตำแหน่งที่คุณสมัครนี้ รับผิดชอบงานอะไรบ้าง
คำถามนี้ไม่ง่ายนัก โดยเฉพาะกับนักศึกษาจบใหม่ ให้คุณพยายามทำความเข้าใจกับ Job Description ในตำแหน่งที่คุณสมัครให้มากที่สุด ตรงไหนไม่เข้าใจหาข้อมูลเพิ่มเติมทางอินเตอร์เน็ต หรือปรึกษารุ่นพี่ แล้วตอบตามความเข้าใจที่คุณกลั่นกรองจากข้อมูลที่ได้ค้นคว้ามา ติดตรงไหนสามารถถามได้เช่น คุณเข้าใจว่างานที่คุณสมัครทำเกี่ยวกับอะไร แต่ข้อมูลบงอย่างเข่น ข้อมูลการตลาด หรือข้อมูลเกี่ยวกับตัวสินค้า หรือผลิตภัณฑ์ คุณยังมีความรู้ไม่มาก
อย่าไปสอบสัมภาษณ์แบบไร้วิญญาณ โดยเฉพาะคำถามนี้เตรียมข้อมูลให้ดี ตอบให้กระชับ มีอะไรสงสัยถามเพิ่มเติมได้
6) ยามว่างคุณทำอะไรบ้าง มีกิจกรรมอะไรบ้าง
ผู้สัมภาษณ์ถามคำถามประเภทนี้เพราะว่าต้อการดูถึงบุคลิกภาพ อุปนิสัยของผู้สมัครงานว่าเป็นคนอย่างไร รวมไปถึงความคิดความอ่าน รวมไปถึงความสามารถในการเข้าร่วมทำกิจกรรมกับคนอื่นๆ ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบออกกำลัง เล่นกีฬาฟุตบอล คุณอาจตอบไปว่า
“เมือมีเวลาผมชอบออกกำลังกาย เตะฟุตบอล เพราะว่านอกจากจะทำให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว การเล่นฟุตบอลยังสอนว่าเราเล่นคนเดียวได้ ต้องเล่นเป็นทีม ถึงกระนั้นผลที่ได้ออกมาอาจไม่เป็นไปแบบที่คิดหรือ การรู้แพ้ รู้ชนะก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ผมได้จากการเล่นกีฬา ประเภทนี้ ครับ”
7) ช่วยบอกถึง จุดเด่น และจุดด้อย ของคุณหน่อย
เทคนิคในการตอบข้อนี้มีอยู่ว่า
8) คุณต้องการเงินเดือนเท่าไหร่
ก่อนเข้าสัมภาษณ์ให้คุณถามพี่ๆ เพื่อนๆ ทำงานบริษัทในตำแหน่งที่ใกล้เคียงกัน ว่าเขาได้รับเงินเดือนเริ่มต้นกันที่เท่าไร ถ้าคุณได้รับการเสนอเงินเดือนในขณะสัมภาษณ์ คุณอาจยังไม่รีบตกลง แต่ขอเวลาในการตัดสินใจ 1-2 วัน ได้
Note: โน้ตตรงนี้ไว้สักเล็กน้อยว่า ถ้าคุณยังไม่มีประสบการณ์ทำงาน ในการพิจารณาเลือกบริษัท หรือโรงงาน สถานที่ๆทำงานนั้น คุณอาจจะคำนึงถึงเรื่องเงินเดือน หรือค่าตอบแทน เป็นปัจจัยรองๆ ลงมา และเน้นประสบการณ์มาเป็นอับแรก เมื่อทำงานไประยะหนึ่งจนคุณเริ่มมั่นใจแล้วว่ามีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ในสายงานเพียงพอ จึงค่อยคิดเรื่องเงินเดือนที่มากขึ้น
9) สงสัย หรือมีข้อซักถามอะไรไหม
ยินดีด้วยครับ คุณมาถึงข้อนี้ โดยทั่วไปจะเป็นคำถามสุดท้ายของการสัมภาษณ์งาน แต่อย่าชะล่าใจว่าไม่สำคัญ ให้คุณถามให้ได้มากที่สุด ถ้าคุณมีข้อสงสัย โดยเฉพาะเรื่องบรรยากาศการทำงาน, วัฒนธรรมองค์กร เป็นต้น เพราะอาจส่งผลในอนาคตถ้าคุณเกิดไม่ชอบ สภาพแวดล้อมการทำงานขึ้นมา
เอาละครับ อาจจะยาวไปสักหน่อยกับบทความนี้ แต่การันตีครับว่ามีประโยชน์ และคุณเอาไปปรับใช้กับการหางานโรงงาน หรืองานบริษัทที่คุณต้องการเข้าร่วมงานด้วย ได้ไม่มากก็น้อย ขอให้โชคดีกับการหางานครับ